พระคัมภีร์อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการบริจาคสัตว์บนแท่นบูชา
บุคคลในโลกสมัยใหม่ไม่เข้าใจอย่างจริงใจว่าเหตุใดพระเจ้าจึงสามารถพอใจกับการฆ่าสัตว์ที่ไร้เดียงสาเพื่อที่จะเผยพระวจนะพระเจ้าสำหรับความบาปของมนุษย์ นี่เป็นเรื่องยากสำหรับคนยุคใหม่ที่จะเข้าใจ
ในช่วงต้นของพระคัมภีร์ไบเบิลเราเห็นว่าการบูชายัญสัตว์เป็นการริเริ่มของมนุษย์
อยู่มาวันหนึ่งปรากฏว่า คาอินได้นำผลไม้จากไร่นามาเป็นเครื่องบูชาถวายพระเยโฮวาห์ เช่นกันอาแบลได้นำผลแรกจากฝูงแกะของเขาและไขมันของแกะ พระเยโฮวาห์ทรงพอพระทัยต่ออาแบลและเครื่องบูชาของเขา( หนังสือปฐมกาล 4:3-4 )
เป็นที่ชัดเจนเช่นกันว่าพระเจ้าไม่ยอมรับเครื่องบูชาจากผลไม้ของโลกไม่ใช่เพราะองค์ประกอบของเครื่องบูชา แต่เป็นเพราะตัวคาอินเองที่ถวายเครื่องบูชานั้น สังเกตว่าคาอินเสนอผลไม้บางอย่างในขณะที่อาเบลเสนอสิ่งที่ดีที่สุดที่เขามี นี่คือสิ่งที่พระเจ้าตรัสกับคาอิน:
ถ้าเจ้าทำดี เจ้าจะไม่ได้รับการยกย่องหรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี เครื่องบูชาไถ่บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู ถ้าเจ้าปรารถนา เจ้าจงถวายแกะนั้น"( หนังสือปฐมกาล 4:7 )
พระเจ้าทรงถ่ายทอดทัศนคติที่แท้จริงของพระองค์ต่อการเสียสละผ่านศาสดาพยากรณ์ชื่อเอเสเคียล
ยิ่งกว่านั้นอีก เราได้ให้กฎเกณฑ์ที่ไม่ดีและให้คำตัดสินซึ่งตามนั้นเขาจะดำรงชีวิตไม่ได้ และเราก็ได้ให้เขามลทินไปด้วยของถวายของเขาเอง โดยให้เขาถวายบุตรหัวปีให้ลุยไฟ เพื่อเราจะกระทำให้เขารกร้างไป เพื่อให้เขาทราบว่าเราคือพระเยโฮวาห์( เอเสเคียล 20:25-26 )
หลายคนเต็มใจที่จะฆ่าสัตว์ที่ไร้เดียงสาเพียงเพื่อที่พระเจ้าจะ "ลืม" เกี่ยวกับบาปของตัวเอง ผู้คนไม่ได้สังเกตเห็นความเจ็บปวดของสัตว์โดยวางการอภัยบาปของพวกเขาไว้เหนือความเจ็บปวดของผู้บริสุทธิ์ เมื่อพวกเขาถวายเครื่องบูชาผู้คนไม่ได้กลับใจจากบาปของตน
สิ่งเหล่านี้มือของเราได้กระทำทั้งสิ้น บรรดาสิ่งเหล่านั้นจึงเป็นขึ้นมา" พระเยโฮวาห์ตรัสดังนี้ "แต่คนนี่ต่างหากที่เราจะมอง คือเขาผู้ที่ถ่อมและสำนึกผิดในใจ และตัวสั่นเพราะคำของเรา เขาผู้ฆ่าวัวราวกับเขาฆ่าคน เขาผู้ถวายลูกแกะเป็นเครื่องบูชาราวกับเขาตัดคอสุนัข เขาผู้ถวายเครื่องบูชาราวกับเขาถวายเลือดหมู เขาผู้เผาเครื่องหอมราวกับเขาสาธุการรูปเคารพ คนเหล่านี้ต่างก็เลือกทางของเขาเอง และจิตใจของเขาปีติยินดีอยู่ในสิ่งน่าสะอิดสะเอียนของเขา( หนังสืออิสยาห์ 66:2-3 )
โดยอนุญาตให้ผู้คนเสียสละสัตว์เพื่อไถ่บาปพระเจ้าต้องการแสดงให้เห็นถึงความร้ายแรงของบาปของเราซึ่งเราต้องชดใช้ด้วยเลือด ... แต่การตัดสินใจเสียสละเป็นของคนที่ไม่เข้าใจความปรารถนาที่แท้จริงของ พระเจ้า
พระเยโฮวาห์จะทรงพอพระทัยการถวายแกะเป็นพันๆตัว และธารน้ำมันหลายหมื่นสายหรือ ควรที่ข้าพเจ้าจะถวายบุตรหัวปีชำระการละเมิดของข้าพเจ้าหรือ คือถวายผลแห่งกายของข้าพเจ้าชำระบาปแห่งวิญญาณของข้าพเจ้า" โอ มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี และพระเยโฮวาห์ทรงมีพระประสงค์อะไรจากเจ้า นอกจากให้กระทำความยุติธรรม และรักความเมตตา และดำเนินด้วยความถ่อมใจไปกับพระเจ้าของเจ้า( มีคาห์ 6:7-8 )
พวกเขาไม่เข้าใจความจริงที่ชัดเจน - ไม่มีการเสียสละและของกำนัลใดแด่พระเจ้าที่สามารถลบล้างบาปของเราหรือชำระมโนธรรมของเราได้ เลือดของเหยื่อถูกหลั่งจากรุ่นสู่รุ่น
พลับพลาเดิมเป็นเครื่องเปรียบสำหรับในเวลานั้น คือมีการถวายของให้และเครื่องบูชา ซึ่งจะกระทำให้ใจวินิจฉัยผิดและชอบของผู้ถวายนั้นถึงที่สำเร็จไม่ได้( ฮีบรู 9:9 )
แต่การถวายเครื่องบูชานั้นเป็นเหตุให้ระลึกถึงความบาปทุกปีๆ เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่สามารถชำระความบาปได้( ฮีบรู 10:3-4 )
ดังนั้นผู้คนที่พระเจ้าทรงเลือกไว้จึงไม่กลับใจเมื่อเห็นเลือดของสัตว์ไร้เดียงสาที่ถูกหลั่งออกมาเพราะบาปของพวกเขา แทนที่จะขอการให้อภัยพวกเขาเลือกเส้นทางที่บาปของพวกเขาจะได้รับการชดใช้ด้วยเลือดของผู้อื่น
เมื่อเห็นว่าผู้คนไม่ได้กลับใจเมื่อเห็นเลือดของสัตว์ที่หลั่งออกมาเพราะบาปของพวกเขาพระเจ้าจึงส่งลูกชายของเขาเองไปอยู่ในมือของผู้คนไปสู่ความตายที่เจ็บปวดและเจ็บปวด
ฝ่ายเจ้าของสวนองุ่นจึงว่า `เราจะทำอย่างไรดี เราจะใช้บุตรชายที่รักของเราไป เมื่อเห็นบุตรนั้นเขาคงจะเคารพนับถือ' แต่พวกคนเช่าสวนเมื่อเห็นบุตรนั้นก็ปรึกษากันว่า `คนนี้แหละเป็นทายาท มาเถอะ ให้เราฆ่าเขาเสีย เพื่อมรดกจะตกกับเรา'( ลูกา 20:13-14 )
ตามที่เราทราบจากพระคัมภีร์ปุโรหิตถวายเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปของเขาก่อนจากนั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถถวายเครื่องบูชาเพื่อไถ่บาปของประชาชน พระเยซูไม่มีบาปและไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อบาปของเขา นอกจากนี้พระเยซูไม่ต้องการเลือดของเหยื่อผู้บริสุทธิ์และแทนที่จะเสียสละตัวเองโดยทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์
พระองค์ไม่ต้องทรงนำเครื่องบูชามาทุกวันๆดังเช่นมหาปุโรหิตอื่นๆ ผู้ซึ่งถวายสำหรับความผิดของตัวเองก่อน แล้วจึงถวายสำหรับความผิดของประชาชน ส่วนพระองค์ได้ทรงถวายเครื่องบูชาเพียงครั้งเดียว คือเมื่อพระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เอง( ฮีบรู 7:27 )
พระองค์เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์แก่เรา( ฮีบรู 9:12 )
และความโหดร้ายของการเสียสละทั้งหมดนี้ซึ่งเราเชื่อว่ามีต่อพระเจ้าแท้จริงแล้วอยู่กับเราและบาปของเรา
ยังคงมีให้เราคิดว่าจะยอมรับการเสียสละของพระเยซูเพื่อไถ่บาปของเราได้อย่างไร ถ้าเราไม่สารภาพบาปเราก็ปฏิเสธเครื่องบูชาของเขาว่าไม่จำเป็นสำหรับเราพร้อมกับความรอด หากเราสารภาพบาปเราก็จะเข้าใจว่าเรามีความผิดต่อการตายของบุตรของพระเจ้า เนื่องจากถ้าเราไม่มีบาปพระเยซูก็ไม่จำเป็นต้องตาย ...